แบตเตอรี่รถยนต์มีกี่ประเภท?

แบตเตอรี่รถยนต์มีกี่ประเภท?

     แบตเตอรี่รถยนต์ ที่เราใช้กันอยู่ ณ ปัจจุบันนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ แบตเตอรี่รถยนต์น้ำ( Lead Acid), แบบแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดกึ่งแห้ง (MAINTENANCE FREE) และแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดแห้ง หรือ SMF (SEALED MAINTENANCE FREE) คุณสมบัติแต่ล่ะชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

แบบที่ 1 แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำ (Lead Acid)

     แบตเตอรี่แบบชนิดเติมน้ำกลั่น นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ยุดเริ่มต้นใช้งานแบตเตอรี่เลยทีเดียวแบบชนิดนี้ก่อนใช้งานต้องทำการเติมน้ำกรดขนาดความถ่วงจำเพราะ 1400 ถพ และต้องทำการชาร์จก่อนใช้งานให้ได้ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย การดูแลจะต้องหมั่นดูน้ำกลั่นอยู่บ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีฝาปิด-เปิด เอาไว้สำหรับเติมน้ำกลั่น ส่วนอายุการใช้งานโดยประมาณอยู่ที่ 2-3 ปี แต่ไม่ควรเกิน 4 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานเป็นและการดูแลรักษาหลัก ถ้าหากมีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ราคาแบตเตอรี่ชนิดน้ำจะอยู่ที่ 1,500 - 2,800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดแอมป์

     อย่างไรก็ดี เมื่อถึงอายุการใช้งานของมันก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ ในปัจจุบันแบตเตอรี่ชนิดน้ำผู้คนเริ่มให้ความสนใจน้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาพอที่จะดูแลเรื่องน้ำกลั่นที่จะต้องดูแลทุกสัปดาห์ อีกอย่างร้านจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไปไม่ค่อยจะนำมาจำหน่ายแล้วเพราะมีความยุ่งยากในการชาร์จก่อนที่จะติดตั้งให้กับรถลูกค้า

แบบที่ 2 ชนิดแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดกึ่งแห้ง (MAINTENANCE FREE)

     แบตเตอรี่ชนิดกึ่งแห้ง หรือ MAINTENANCE FREE เป็นแบตเตอรี่ชนิดพร้อมใช้งานไม่ต้องเติมน้ำกลั่นหรือทำการชาร์จก่อนใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ได้ทำการชาร์จไฟมาจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องนำมาชาร์จก่อนการติดตั้ง แต่หากมีการเก็บเกินกว่า 6 เดือน ควรที่จะเช็คไฟก่อน เพราะอาจจะทำให้ไฟในแบตเตอรี่อ่อนลง ก่อนการติดตั้งควรที่จะชาร์จก่อนเพื่อความคงทนของแบตเตอรี่

     แบตเตอรี่ชนิดนี้เป็นแบตเตอรี่ที่แทบจะไม่ต้องดูแลเลย หรืออาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่บ่อยเหมือนแบตเตอรี่ชนิดน้ำ ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน เนื่องจากสะดวกรวดเร็วกว่าชนิดน้ำ แต่สิ่งสำคํญที่ผู้ใช้รถควรทราบว่า แบตเตอรี่ชนิดนี้ทำการเติมน้ำกลั่นด้วย และทำการชาร์จมาจากโรงงานเลย ดั้งนันข้อเสียของแบตเตอรี่ชนิดนี้ควรเป็นแบตเตอรี่ใหม่ ไม่เก่าเก็บหรือค้างสต็อกเป็นเวลานาน หากเป็นแบบค้างเก่าเก็บจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่สั่นลง ดังนั้นควรตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตด้วย ส่วนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้น ประมาณ 1-2 ปี หรือไม่เกิน 3 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก ราคาแบตเตอรี่ชนิดน้ำจะอยู่ที่ 1,700 - 3,200 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดแอมป์

แบบที่ 3 แบตเตอรี่รถยนต์แห้ง หรือ SMF (SEALED MAINTENANCE FREE)

     แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่เมืองหนาวนิยมใช้งานกันมากที่สุด เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ชนิดแห้ง ภายในใช้เจลแทนน้ำกรด เพราะเจลจะทนต่อสภาวะอากาศที่เย็นจัด ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้จึงเหมาะที่จะใช้งานกับสภาพอากาศที่เย็น แต่ในบ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อน ได้มีการใช้งานอีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นแบบภายในมีน้ำกรด แต่ออกแบบปาปิดผนึกสนิท ไม่มีรูที่จะเติมน้ำกลั่นเลย ซึ่งก็เป็นแบบแบตเตอรี่ชนิดแห้งเหมือนกัน

     แบตเตอรี่ชนิดนี้ มีข้อดีตรงไม่ต้องดูแลเรื่องน้ำกลั่นเลยตลอดอายุการใช้งาน สามารถติดตั้งได้เลยโดยไม่ต้องชาร์จเพราะมีการชาร์จมาจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว ข้อเสียหากแบบเตอรี่เสื่อมสภาพก็ต้องเปลี่ยนเลยโดยไม่สามารถเติมน้ำกลั่นเพื่อยืดระยะเวลาใช้งานได้

     ผู้ใช้งานแบตเตอรี่ชนิดแห้งไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลเรื่องแบตเตอรี่เลย รถที่มีช่องเก็บแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในรถหรือท้ายรถ ควรใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง เพราะเวลาใช้งานจะไม่มีกลิ่นน้ำกลั่นภายในรถ แบตเตอรี่ชนิดนี้อายุการใช้งานอยู่ที่ 2-3 ปีแต่ก็ไม่ควรเกิน 4 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก  ราคาแบตเตอรี่ชนิดน้ำจะอยู่ที่ 1,800 - 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดแอมป์

     ผู้ใช้รถก็รู้แล้วว่าคุณสมบัติแบตเตอรี่แต่ละชนิดมีข้อดีข้อด้วยต่างกันอย่างไร ท่านควรที่จะเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์
ชนิดใดในการติดรถยนต์ของท่าน 


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม