ฟอร์ด เปิดตัว Ford Ranger Next-Generation ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลัก ได้แก่ Ford Ranger Wildtrak และ Ford Ranger Sport ทุกแง่มุมในการเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งนี้ จะเริ่มต้นจากการทำวิจัยเชิงลึกจากลูกค้าผู้ใช้งานจริง ว่าต้องการให้รถใหม่เป็นแบบไหน อยากไห้ทำอะไรได้บ้าง หรืออยากเห็นภาพลักษณ์ของรถกระบะโฉมใหม่คันนี้ออกมาเป็นแบบไหน ทีมออกแบบใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการพูดคุยกับลูกค้าฟอร์ดทั่วทุกมุมโลก ทั้งในประเทศไทย ออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป จีน ซาอุดิอาระเบีย และทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อศึกษาการใช้งานรถกระบะในชีวิตประจำวัน ฟอร์ดยังได้สัมภาษณ์ลูกค้าอีกกว่า 5,000 ครั้ง จดบันทึกยาวกว่า 1,800 หน้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่กำลังออกมาวางตลาดใหม่ ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
สิ่งที่เพิ่มมาใหม่ในรถกระบะเกิดมาแกร่งคันนี้ มีดีจนทำให้น่าครอบครองเป็นเจ้าของอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
มีการกล่าวเอาไว้ในการเปิดตัวรถกระบะใหม่ 2022 Next-Gen Ranger เอาไว้ว่า เครื่องยนต์ในรอบนี้ จะเพิ่มทางเลือกให้เป็น 3 เครื่องยนต์ เริ่มจากเครื่องยนต์ในขนาดเดิม 2 ตัวคือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ Bi-Turbo และดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบเดี่ยว แต่คาดการณ์ได้ว่า น่าจะมีการปรับจูนเพื่อเพิ่มกำลังให้สูงกว่าเดิม จากเดิมที่เครื่องยนต์แบบ Bi-Turbo ก็เป็นเครื่องที่ให้กำลังสูงสุดที่ 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ก็มากสุดในตลาดรถกระบะในประเทศไทยอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีทางเลือกที่เป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ที่น่าจะเป็นตัวที่ผลิตกำลังได้สูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร มาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมอีกด้วย การใช้งานในประเทศไทยก็ไม่ต้องห่วง เพราะฟอร์ดได้จำลองการใช้งานสุดหฤโหดด้วยการทดสอบการใช้เครื่องยนต์ในอัตราเร่งเต็มที่ ยาวนานต่อเนื่องถึง 700 ชั่วโมง เทียบเท่ากับการวิ่งรอบโลกด้วยอัตราเร่งเต็มที่ถึง 6 รอบ โดยเรายังทดสอบความทนทานของเครื่องยนต์ในอุณหภูมิตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ถึงมากกว่า 50 องศาเซลเซียสเลยด้วย
การออกแบบหัวเกียร์สไตล์ใหม่แบบที่ยังไม่มีรถกระบะรุ่นไหนในประเทศไทยเคยทำมาก่อนอย่างเกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter ด้วยรูปแบบเกียร์ก้านสั้น ทันสมัย พร้อมปุ่มเกียร์ Manual ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สนุกสานในการใช้งานเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างเต็มที่
ระยะล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับเรนเจอร์รุ่นก่อนหน้า ทำให้ทีมออกแบบวางล้อหน้าเข้ามุมได้มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงของตัวรถ นอกจากนี้ Next-Gen Ranger ยังถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้าง T6 แต่มีการปรับเปลี่ยนเป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างจำเพาะที่ยืดหยุ่นรองรับกับตัวถังแบบบอดี้ออนเฟรมของรถฟอร์ดที่จำหน่ายทั่วโลก ซึ่งนอกจากฟอร์ด เรนเจอร์ แล้ว ยังรวมไปถึงฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด บรองโกด้วย มีการขยับล้อหน้าให้ไปด้านหน้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มมุมไต่ให้เพิ่มมากขึ้น และขยับให้มีความห่างระหว่างล้อทั้ง 2 ข้างให้กว้างมากขึ้น เพื่อตอบสนองในการใช้งานบนถนน Off-Road ได้ดีมากขึ้น แน่นอนว่า จะช่วยให้การทรงตัวในการเข้าโค้งทำได้ดีขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการย้ายระบบช่วงล่างด้านหลังให้มาอยู่นอกแหนบ เพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารทุกตำแหน่งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ถ้าสังเกตให้ดี เราจะเห็นได้ว่า Next-Gen Ranger จะมาพร้อมระบบดิสก์เบรกที่ล้อหลัง ช่วยให้ตอบสนองเร็วขึ้นและระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าออพชั่นนี้มาอยู่ที่ประเทศไทยจริง จะกลายเป็นรถกระบะรุ่นแรก ๆ ทันทีที่ใส่ระบบห้ามล้อด้านหลังเป็นระบบดิสก์เบรกในรุ่นปกติ จะยกเว้นก็พวกรุ่นพิเศษอย่าง Ford Ranger Raptor เท่านั้นที่ใส่มาเป็นดิสก์เบรกหลัง
เมื่อได้ดูภาพภายในของ Next-Gen Ranger แล้ว ยิ่งสัมผัสได้ถึงความ “ก้าวล้ำไปในอนาคต” ของรถกระบะคันนี้ได้อย่างแท้จริง โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ 12 นิ้วและ 10นิ้วระบบสัมผัสวางเรียงกัน โดยแบ่งเป็นด้านบนที่ใช้เป็นหน้าจอแสดงผลเรื่องความบันเทิงและระบบนำทาง ส่วนด้านล่างเป็นหน้าจอที่เอาไว้ใช้ควบคุมระบบปรับอากาศที่ใช้แบบอัตโนมัติแยกโซนซ้าย-ขวา
ส่วนการออกแบบโดยรวมของแผงคอนโซลหน้า ก็ลากเป็นเส้นตรงจากซ้ายไปขวา จนทำให้ห้องโดยสารนั้นดู “กว้าง” มากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการออกแบบช่องลมจากระบบปรับอากาศที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกับกระจังหน้า เพื่อให้ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย
อุปกรณ์ตัวใหม่ที่ใส่มาเพราะเข้าใจถึงมุมของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง ก็คือกล่องบันไดด้านข้างที่ทำให้เราสามารถเข้าสู่ตัวกระบะได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ลองนึกถึงเวลาเราวางของเอาไว้กลางกระบะ แล้วต้อวงการหยิบลงมาใช้งาน จากเดิมต้องเปิดกระบะฝาท้ายแล้วปีนขึ้นไปหยิบ หรือเหยียบไปบนล้อเพื่อเอื้อมให้ถึงของ รอบนี้สะดวกขึ้นเพียงแค่เหยียบบันไดข้างขึ้นไปได้เลย สะดวกในการใช้งานมากขึ้นเลย
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานบรรทุกขนของ ไปจนถึงการท่องเที่ยวสายลุยทริปผจญภัยที่จะต้องมีการขนสัมภาระให้ครบถ้วน หรือจะไปแคมป์ปิ้งก็สะดวก ด้วยกระบะท้ายที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม บรรทุกของได้มากขึ้น
อาทิ ช่องเสียบปลั๊กไฟ ทำให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างหมดกังวลเรื่องแบตหมด หรือสำหรับใครที่อยากหาสถานที่ทำงานใหม่ๆ เบื่อกับโต๊ะทำงานที่บ้าน ก็สามารถปรับเป็นพื้นที่กระบะท้ายเป็นที่ทำงานได้ทุกที่ที่ต้องการ
ทางผู้ออกแบบยังให้ข้อมูลถึงการออกแบบมือจับประตูให้สอดรับกับแผงคอนโซลที่ทอดตัวยาวจากฝั่งซ้ายจรดฝั่งขวา เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
ฟอร์ดได้มีการปรับให้มือจับประตูให้ต่ำลง เพื่อให้ระยะระหว่างมือจับประตูกับสวิตช์เปิด-ปิดหน้าต่างและที่วางแขนเป็นเส้นตรงมากขึ้นและใช้งานง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมกับที่เสียบสายชาร์จและแท่นชาร์จแบตไร้สาย เพิ่มความสะดวกสบาย
นอกจากนี้ Next-Gen Ranger ยังมาพร้อมการออกแบบภายนอกที่ปราดเปรียว มั่นใจ และสมบุกสมบัน สะท้อนดีเอ็นเอในการออกแบบรถกระบะระดับโลกของฟอร์ด ภายใต้หลักการสำคัญ 2 ข้อ คือ การมองไปยังอนาคตข้างหน้า และการทำให้รถคันนี้ ‘เกิดมาแกร่ง’ นั่นหมายถึงจะต้องทำให้รถคันนี้ดูก้าวล้ำไปในอนาคต และยังคงความ “แกร่ง” ตามสไตล์ของฟอร์ด ยิ่งได้เห็นการออกแบบใหม่ของรถกระบะ Full-Size รุ่นพี่อย่าง Ford F-150 แล้ว การออกแบบของ Ranger ที่เหมือนกับเป็นน้องชายของ F-150 จึงไม่น่าหนีไปจากกันมาก เริ่มจากกระจังหน้าที่รอบนี้ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ บึกบึนมากกว่าตัวเดิม ที่สื่อถึงความแข็งแรง เป็นมัดกล้าม ดุดัน ตามมาด้วยไฟหน้าทรง C-Shape ที่เป็นไฟ DRL และตัวไฟหลักเป็น LED 2 ดวงขนาดใหญ่ เพิ่มความสว่างยามฝนตกหรือหมอกลงจัดด้วยไฟตัดหมอกที่อยู่ในกรอบสีดำลายใหม่ให้ดูมีความแข็งแกร่ง ชายกันชนด้านล่างใช้เป็นสีโครเมี่ยมลายใหม่ พร้อมชุดหูลากที่ให้มาถึง 2 ห่วงเลยทีเดียว